Thursday, September 5, 2019

ประวัติคอมพิวเตอร์ โดย ด.ช มิ่งประชา มดแสง ม.3/6 เลขที่36

ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์

             คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นผลมาจยากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือในการคำนวณซึ่งมีวิวัฒนาการนานมาแล้ว เริ่มจากเครื่องมือในการคำนวณเครื่องแรกคือ "ลูกคิด" (Abacus) ที่สร้างขึ้นในประเทศจีน เมื่อประมาณ 2,000-3,000 ปีมาแล้ว



            จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2376 นักคณิตศาสต์ชาวอังกฤษ ชื่อ ชาร์ล แบบเบจ (Charles Babbage) ได้ประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) สามารถคำนวณค่าของตรีโกณมิติ ฟังก์ชั่นต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ การทำงานของเครื่องนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนเก็บข้อมูล ส่วนคำนวณ และส่วนควบคุม ใช้ระบบพลังเครื่องยนต์ไอน้ำหมุนฟันเฟือง มีข้อมูลอยู่ในบัตรเจาะรู คำนวณได้โดยอัตโนมัติ และเก็บข้อมูลในหน่วยความจำ ก่อนจะพิมพ์ออกมาทางกระดาษ
หลักการของแบบเบจนี้เองที่ได้นำมาพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ เราจึงยกย่องให้แบบเบจเป็น บิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์
           หลังจากนั้นเป็นต้นมา ได้มีผู้ประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมามากมายหลายขนาด ทำให้เป็นการเริ่มยุคของคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริง   โดยสามารถจัดแบ่งคอมพิวเตอร์ออกได้เป็น 5 ยุค
            

ยุคที่ 1 (พ.ศ. 2489-2501) "ยุคหลอดสุญญากาศ"

             เป็นการประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มิใช่เครื่องคำนวณ โดยเมาช์ลีและเอ็กเคอร์ต (Mauchly and Eckert) ได้นำแนวความคิดนั้นมาประดิษฐ์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพมากเครื่องหนึ่งเรียกว่า ENIAC (Electronic Numericial Integrator and Calculator) ซึ่งต่อมาได้ทำการปรับปรุงการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น   และได้ประดิษฐ์เครื่อง UNIVAC (Universal Automatic Computer) ขึ้นเพื่อใช้ในการสำรวจสำมะโนประชากรประจำปี 


             จึงนับได้ว่า UNIVAC เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่ ถูกใช้งานในเชิงธุรกิจ ซึ่งนับเป็นการเริ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรกอย่างแท้จริง เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสุญญากาศในการควบคุมการทำงานของเครื่อง ซึ่งทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่มีขนาดใหญ่มากและราคาแพง ยุคแรกของคอมพิวเตอร์สิ้นสุดเมื่อมีผู้ประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์มาใช้แทนหลอดสูญ ญากาศ

            ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1
    • ใช้อุปกรณ์ หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tube) เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ใช้พลังงานไฟฟ้ามาก และเกิดความร้อนสูง
    • ทำงานด้วยภาษาเครื่อง (Machine Language) เท่านั้น
    • เริ่มมีการพัฒนาภาษาสัญลักษณ์ (Assembly / Symbolic Language) ขึ้นใช้งาน          

 ยุคที่ 2 (พ.ศ.2502-2506) "ยุคทรานซิสเตอร์"
            มีการนำทรานซิสเตอร์ มาใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์จึงทำให้เครื่องมีขนาดเล็กลง และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มีความรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในยุคนี้ยังได้มีการคิดภาษาเพื่อใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เช่น ภาษาฟอร์แทน (FORTRAN) จึงทำให้ง่ายต่อการเขียนโปรแกรมสำหรับใช้กับเครื่อง



         ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 2
  • ใช้อุปกรณ์ ทรานซิสเตอร์ (Transistor) ซึ่งสร้างจากสารกึ่งตัวนำ (Semi-Conductor) เป็นอุปกรณ์หลัก แทนหลอดสุญญากาศ เนื่องจากทรานซิสเตอร์เพียงตัวเดียว มีประสิทธิภาพในการทำงานเทียบเท่าหลอดสุญญากาศได้นับร้อยหลอด ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีขนาดเล็ก ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อย ความร้อนต่ำ ทำงานเร็ว และได้รับความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
  • เก็บข้อมูลได้ โดยใช้ส่วนความจำวงแหวนแม่เหล็ก (Magnetic Core)
  • มีความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคำสั่ง ประมาณหนึ่งในพันของวินาที (Millisecond : mS)
  • สั่งงานได้สะดวกมากขึ้น เนื่องจากทำงานด้วยภาษาสัญลักษณ์ (Assembly Language)
  • เริ่มพัฒนาภาษาระดับสูง (High Level Language) ขึ้นใช้งานในยุคนี้
            

ยุคที่ 3 (พ.ศ.2507-2512) "ยุควงจรรวม"

        คอมพิวเตอร์ในยุคนี้เริ่มต้นภายหลังจากการใช้ทรานซิสเตอร์ได้เพียง 5 ปี เนื่องจากได้มีการประดิษฐ์คิดค้นเกี่ยวกับวงจรรวม (Integrated-Circuit) หรือเรียกกันย่อๆ ว่า "ไอซี" (IC) ซึ่งไอซีนี้ทำให้ส่วนประกอบและวงจรต่างๆ สามารถวางลงได้บนแผ่นชิป (chip) เล็กๆ เพียงแผ่นเดียว จึงมีการนำเอาแผ่นชิปมาใช้แทนทรานซิสเตอร์ทำให้ประหยัดเนื้อที่ได้มาก 
          นอกจากนี้ยังเริ่มมีการใช้งานระบบจัดการฐานข้อมูล (Data Base Management Systems : DBMS) และมีการพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานร่วมกันได้หลายๆ งานในเวลาเดียวกัน และมีระบบที่ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับเครื่องได้หลายๆ คน พร้อมๆ กัน (Time Sharing)


        ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 3
  • ใช้อุปกรณ์ วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) หรือ ไอซี และวงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) เป็นอุปกรณ์หลัก
  • ความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคำสั่ง ประมาณหนึ่งในล้านของวินาที (Microsecond : mS) (สูงกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 1 ประมาณ 1,000 เท่า)
  • ทำงานได้ด้วยภาษาระดับสูงทั่วไป
           
 ยุคที่ 4 (พ.ศ.2513-2532) "ยุควีแอลเอสไอ"
        เป็นยุคที่นำสารกึ่งตัวนำมาสร้างเป็นวงจรรวมความจุสูงมาก (Very Large Scale Integrated : VLSI) ซึ่งสามารถย่อส่วนไอซีธรรมดาหลายๆ วงจรเข้ามาในวงจรเดียวกัน และมีการประดิษฐ์ ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ขึ้น ทำให้เครื่องมีขนาดเล็ก ราคาถูกลง และมีความสามารถในการทำงานสูงและรวดเร็วมาก จึงทำให้มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) ถือกำเนิดขึ้นมาในยุคนี้

        ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4
  • ใช้อุปกรณ์ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) และ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก (Very Large Scale Integration : VLSI) เป็นอุปกรณ์หลัก
  • มีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคำสั่ง ประมาณหนึ่งในพันล้านวินาที (Nanosecond : nS) และพัฒนาต่อมาจนมีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคำสั่ง ประมาณหนึ่งในล้านล้านของวินาที (Picosecond : pS)

ยุคที่ 5 (พ.ศ.2533-ปัจจุบัน) "ยุคเครือข่าย"
  ในยุคนี้ได้มุ่งเน้นการพัฒนา ความสามารถในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และความสะดวกสบายในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างชัดเจนมีการพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็ก(Portable Computer) ขึ้นใช้งานในยุคนี้
   โครงการพัฒนาอุปกรณ์ VLSI ให้ใช้งานง่าย และมีความสามารถสูงขึ้น รวมทั้งโครงการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เป็นหัวใจของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ โดยหวังให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ สามารถวิเคราะห์ปัญหาด้วยเหตุผล

        องค์ประกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์ ประกอบด้วย หัวข้อ ได้แก่
        1. ระบบหุ่นยนต์ หรือแขนกล (Robotics or Robotarmystem)
                หุ่นจำลองร่างกายมนุษย์ที่ควบคุมการทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ มีจุดประสงค์เพื่อให้ทำงานแทนมนุษย์ในงานที่ต้องการความเร็ว หรือเสี่ยงอันตราย เช่น แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม หรือหุ่นยนต์กู้ระเบิด เป็นต้น
        2. ระบบประมวลภาษาพูด (Natural Language Processing System) 
           การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถสังเคราะห์เสียงที่มีอยู่ในธรรมชาติ (Synthesize) เพื่อสื่อความหมายกับมนุษย์ เช่น เครื่องคิดเลขพูดได้ (Talking Calculator) หรือนาฬิกาปลุกพูดได้ (Talking Clock) เป็นต้น
        3. การรู้จำเสียงพูด (Speech Recognition System) 
               การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์เข้าใจภาษามนุษย์ และสามารถจดจำคำพูดของมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง กล่าวคือเป็นการพัฒนาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ด้วยภาษาพูด เช่น งานระบบรักษาความปลอดภัย งานพิมพ์เอกสารสำหรับผู้พิการ เป็นต้น
        4. ระบบผการพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ รู้จักใช้เหตุผลในการวิเคราะห์ปัญหา โดยใช้ความรู้ที่มี หรือจากประสบการณ์ในการแก้ปัญหาหนึ่ง ไปแก้ไขปัญหาอื่นอย่างมีเหตุผล ระบบนี้จำเป็นต้องอาศัยฐานข้อมูล (Database) ซึ่งมนุษย์ผู้มีความรู้ความสามารถเป็นผู้กำหนดองค์ความรู้ไว้ในฐานข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ ได้จากฐานความรู้นั้น เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์วิเคราะห์โรค หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ทำนายโชคชะตา เป็นต้น 
อ้างอิงบทความ

ด.ช.มิ่งประชา มดแสง ม.3/6 เลขที่36

ประวัติส่วนตัว
 ชื่อ ด.ช มิ่งประชา มดแสง ชื่อเล่น เอเธนส์ 
เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนา พุทธ
เกิดวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.2547
ที่อยู่ปัจจุบัน 199/94 หมู่ 5 ซ.จตุมิตร ถ.เทพารักษ์ ต.บางพลีใหญ่
อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
ศึกษาที่โรงเรียนพูลเจริญวิทยาคม 
ลักษณะนิสัย พูดมากนิดหน่อย ขี้บ่น ใจดี เป็นผู้นำที่ดี
เบอร์โทร 0615907395
คติประจำใจ ตื่นก่อนรวยก่อน

ความหมายของคอมพิมเตอร์ โดย ด.ญ ธนัชชา เเก้วคง ม.3/6 เลขที่30

ความหมายของคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่งหมายถึง การนับ หรือ การคำนวณ  พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือน

คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป  นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล
อ้างอิงบทความ

ความหมายของคอมพิวเตอร์ โดยด.ญ.ปิยรัตน์ โนนกอง ม.3/6 เลขที่35


Wednesday, September 4, 2019


🌏เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต🌏 



      เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต

  5 เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับความคิดที่อยู่ในจินตนาการจะสามารถผลิตออกมาใช้งานได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอยู่ตลอดเวลาโดยนักวิทยาศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลกจนเกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถพลิกรูปแบบวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคมได้และในอนาคตอันใกล้เราอาจจะได้เห็น 5 เทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ทั่วโลกแน่นอน
  1. MacBook 2020

เผยแรงบันดาลใจกับสุดยอดเทคโนโลยีสุดล้ำแห่งอนาคตเป็นที่ทราบกันดีกว่า MacBook นั้นเป็น Laptop ในฝันของหลายๆ คนและแม้แต่แบรนด์ดังยี่ห้อต่างๆนั้นต่างเดินตามรอยทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ MacBook ถูกยกระดับให้เป็นสินค้าระดับบน ราคาแพง มีการออกแบบที่ละเอียดปราณีตลงตัวผลิตด้วยวัสดุคุณภาพสูงอีกทั้งยังทำงานบนระบบปฏิบัติการยอดนิยมทางฟากของ Mac อย่าง OS X อีกด้วย MacBook จากค่าย Apple ในวันนี้จะมีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้วแต่การพัฒนาย่อมต้องดำเนินต่อไปและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียนคุณ Tommaso Gecchelin ได้ออกแบบแมคบุ๊คในปี 2020 ออกมาให้เราได้ดูกันโดยเผยถึงความล้ำสมัยและความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โดย MacBook 2020 จะมีรูปแบบดีไซนใหม่หมดจดทำงานได้แบบ 3D Hologram ถ้าพูดอย่างเดียวคงไม่เห็นภาพงั้นไปดูภาพกราฟฟิกที่ถูกออกแบบไว้กันเลยดีว่าจะสวยถูกใจขนาดไหนสำหรับท่านที่ชื่นชอบหรือเป็นสาวก MacBook ไม่ควรพลาด!!!


  2. คอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคตคอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคต Sony Nextep

คอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคตคอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคต Sony Nextep คอมพิวเตอร์แห่งปี 2020 คอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคต Sony Nextep คอมพิวเตอร์แห่งปี 2020 คอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคต ปี2020 สำหรับคอไอทีทั้งหลายเมื่อ Sony ได้คิดค้นคอมพิวเตอร์แห่งอนาคต Sony Nextep Computer มีลักษณะเป็นคอมพิวเตอร์ข้อมือมีคอมพิวเตอร์เป็นโครงสร้างที่ยืดหยุ่นด้วยหน้าจอ OLED Touchscreen มีเทคโนโลยี Holographic Projector,Pull-Out Extra Keyboard และที่สำคัญมันจะอยู่บนข้อมือของคุณด้วยโดยไม่ต้องแบกโน๊ตบุ๊คให้เมื่อยกันอีกแล้ว

 3. อาคารมีชีวิตแห่งอนาคต

ระบบต่าง ๆ ภายในอาคารจะทำงานเชื่อมโยงประสานกันแบบ"รวมศูนย์"เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการสำนักงาน อพาร์ตเมนต์ บ้าน คลังสินค้าและโรงงานทุกประเภทจะทำงานได้ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถรับรู้และตอบสนองมนุษย์ได้อย่างรวดเร็วทั้งนี้เพื่อปกป้องผู้คนที่พักอาศัยหรือทำงานภายในอาคารให้มีความปลอดภัยอีกทั้งยังช่วยประหยัดทรัพยากรและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วยอาคารเก่าจะได้รับการบูรณะปรับปรุงส่วนอาคารสมัยใหม่จะได้รับการพัฒนาด้วยระบบประหยัดพลังงานที่เชื่อมโยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆทำงานเชื่อมโยงร่วมกันได้อย่างชาญฉลาดทุกสิ่งภายในอาคารตั้งแต่เรื่องอุณหภูมิไฟฟ้าการระบายอากาศไปจนถึงการจัดการระบบน้ำการจัดการขยะ ระบบโทรคมนาคมและระบบรักษาความปลอดภัยจะมีการผนวกรวมเข้าด้วยกันเพื่อการบริหารจัดการและควบคุมที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น"ระบบอัจฉริยะ"ภายในอาคารจะช่วยเตือนให้การซ่อมบำรุงอุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถทำได้ก่อนที่จะเกิดการชำรุดเสียหายและยังช่วยให้หน่วยฉุกเฉินสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างฉับไวอีกทั้งเจ้าของและผู้ใช้งานภายในอาคารยังสามารถตรวจสอบระดับการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนของอาคารได้ในแบบเรียลไทม์"เซ็นเซอร์"หลายพันตัวภายในอาคารจะควบคุมตรวจสอบทุกสิ่งภายในอาคารตั้งแต่ความเคลื่อนไหวและอุณหภูมิไปจนถึงความชื้นการเข้าใช้พื้นที่และแสงสว่างอาคารต่างๆไม่ได้เพียงอยู่ร่วมและทำงานเกี่ยวโยงกับธรรมชาติแต่จะใช้ประโยชน์จากธรรมชาติอย่างเหมาะสมอีกด้วย

 4.อินเทอร์เน็ตเพื่อสุขภาพ

ในแต่ละปีมีประชากรราว 60 ล้านคนย้ายถิ่นฐานจากชนบทเข้าสู่เมืองใหญ่ และในปี 52 มีการประเมินพบว่าประชากรส่วนใหญ่ของโลกอาศัยอยู่ในเขตเมืองมากกว่าชนบทส่งผลให้เมืองใหญ่กลายเป็นแหล่งเพาะและแพร่กระจายเชื้อโรคได้ง่ายฉะนั้นจะต้องมีระบบป้องกันและการสื่อสารด้านสุขภาพที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับชาวเมืองไอบีเอ็มคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้นี้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์จะมีบทบาทในด้านสาธารณสุขมากยิ่งขึ้นในการหาแนวโน้มรูปแบบการระบาดของโรคว่าจะเกิดการระบาดขึ้นบริเวณไหนเวลาใดบ้างซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนและเตรียมการรับมือเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด และการรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีรวมทั้งมี"อินเทอร์เน็ตเพื่อสุขภาพ"ที่จะเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงข้อมูลทางการแพทย์ระหว่างชุมชน โรงพยาบาลหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเวชภัณฑ์ได้อย่างทั่วถึงเกิดเป็นระบบสาธารณสุขที่ฉลาดและมีประสิทธิภาพสามารถคาดการณ์รูปแบบการระบาดของโรคศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยและแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำในอนาคต


5.ตู้เย็นแห่งอนาคต

หลายคนเป็นโรคขี้ลืมเวลาซื้ออาหารมาแช่ตู้เย็นไว้หลายๆอย่างแล้วลืมเอาออกมากินเอาออกมาปรุง จนหลายอย่างมารู้ตัวอีกทีหมดอายุหรือเน่าคาตู้ไปแล้วจะไม่เกิดขึ้นในโลกอนาคตที่มีการพัฒนา'ตู้เย็นอัจฉริยะ' ที่คอยแนะนำว่าควรจะทำเมนูไหนทำอะไรกินจากอาหารที่เหลือตกค้างอยู่ในตู้หรือถ้าอาหารเน่าเสียมากก็ทำความสะอาดตัวเองและทำลายอาหารทิ้งตู้เย็นโลกอนาคตเป็นผลงานออกแบบของนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเซนทรัล แลงคาสเชอร์ในอังกฤษร่วมกับซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ โอคาโดพื้นผิวของ
หิ้งวางของในตู้เย็นจะใช้เทคโนโลยีนาโนมีเครื่องตรวจจับแก๊สที่ปล่อยออกมาจากอาหารที่เริ่มเสียพร้อมทั้งระบบสแกนด้วยรังสีอัลตราซาวด์ที่ประตูเพื่อตรวจสอบว่าอาหารที่เหลือเป็นชนิดไหนและปริมาณเท่าไรที่ต้องทำลายเครื่องจะคอยสแกนว่าเหลืออาหารอะไรอยู่บ้างแล้วใช้ข้อมูลส่วนนี้วางแผนว่าทำอาหารอะไรได้บ้างหรือถ้าขาดเหลืออะไรก็แนะนำว่าต้องสั่งซื้ออะไรเพิ่มซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าไปในเว็บไซต์สั่งซื้อของจากโอคาโดได้ทันทีจากนั้นถาดของตู้จะเลื่อนอาหารที่ใกล้หมดอายุมาไว้ใกล้มือที่ด้านหน้าเพื่อให้หยิบไปปรุงได้สะดวกดร.ไซมอน ซอมเมอร์วิลล์ทีมวิจัยกล่าวว่าตู้เย็นนี้จะช่วยคิดว่าควรจะทำอะไรกินจากอาหารที่มีอยู่ในตู้ทำให้ใช้วัตถุดิบที่มีได้อย่างคุ้มค่าเหลืออาหารทิ้งน้อยลงทำให้ผู้ใช้งานไม่สิ้นเปลืองเงิน

 

No comments:


Post a Comment



Wednesday, September 4, 2019

🌏เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต🌏 ✨ด.ญ. สิริยากร สอนอรุณ✨ 🎏เลขที่ 46🎏

      เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต

  5 เทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับความคิดที่อยู่ในจินตนาการจะสามารถผลิตออกมาใช้งานได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอยู่ตลอดเวลาโดยนักวิทยาศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลกจนเกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถพลิกรูปแบบวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคมได้และในอนาคตอันใกล้เราอาจจะได้เห็น 5 เทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ทั่วโลกแน่นอน
  1. MacBook 2020

เผยแรงบันดาลใจกับสุดยอดเทคโนโลยีสุดล้ำแห่งอนาคตเป็นที่ทราบกันดีกว่า MacBook นั้นเป็น Laptop ในฝันของหลายๆ คนและแม้แต่แบรนด์ดังยี่ห้อต่างๆนั้นต่างเดินตามรอยทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ MacBook ถูกยกระดับให้เป็นสินค้าระดับบน ราคาแพง มีการออกแบบที่ละเอียดปราณีตลงตัวผลิตด้วยวัสดุคุณภาพสูงอีกทั้งยังทำงานบนระบบปฏิบัติการยอดนิยมทางฟากของ Mac อย่าง OS X อีกด้วย MacBook จากค่าย Apple ในวันนี้จะมีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้วแต่การพัฒนาย่อมต้องดำเนินต่อไปและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียนคุณ Tommaso Gecchelin ได้ออกแบบแมคบุ๊คในปี 2020 ออกมาให้เราได้ดูกันโดยเผยถึงความล้ำสมัยและความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โดย MacBook 2020 จะมีรูปแบบดีไซนใหม่หมดจดทำงานได้แบบ 3D Hologram ถ้าพูดอย่างเดียวคงไม่เห็นภาพงั้นไปดูภาพกราฟฟิกที่ถูกออกแบบไว้กันเลยดีว่าจะสวยถูกใจขนาดไหนสำหรับท่านที่ชื่นชอบหรือเป็นสาวก MacBook ไม่ควรพลาด!!!


  2. คอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคตคอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคต Sony Nextep

คอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคตคอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคต Sony Nextep คอมพิวเตอร์แห่งปี 2020 คอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคต Sony Nextep คอมพิวเตอร์แห่งปี 2020 คอมพิวเตอร์ข้อมือแห่งอนาคต ปี2020 สำหรับคอไอทีทั้งหลายเมื่อ Sony ได้คิดค้นคอมพิวเตอร์แห่งอนาคต Sony Nextep Computer มีลักษณะเป็นคอมพิวเตอร์ข้อมือมีคอมพิวเตอร์เป็นโครงสร้างที่ยืดหยุ่นด้วยหน้าจอ OLED Touchscreen มีเทคโนโลยี Holographic Projector,Pull-Out Extra Keyboard และที่สำคัญมันจะอยู่บนข้อมือของคุณด้วยโดยไม่ต้องแบกโน๊ตบุ๊คให้เมื่อยกันอีกแล้ว

 3. อาคารมีชีวิตแห่งอนาคต

ระบบต่าง ๆ ภายในอาคารจะทำงานเชื่อมโยงประสานกันแบบ"รวมศูนย์"เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการสำนักงาน อพาร์ตเมนต์ บ้าน คลังสินค้าและโรงงานทุกประเภทจะทำงานได้ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถรับรู้และตอบสนองมนุษย์ได้อย่างรวดเร็วทั้งนี้เพื่อปกป้องผู้คนที่พักอาศัยหรือทำงานภายในอาคารให้มีความปลอดภัยอีกทั้งยังช่วยประหยัดทรัพยากรและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วยอาคารเก่าจะได้รับการบูรณะปรับปรุงส่วนอาคารสมัยใหม่จะได้รับการพัฒนาด้วยระบบประหยัดพลังงานที่เชื่อมโยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆทำงานเชื่อมโยงร่วมกันได้อย่างชาญฉลาดทุกสิ่งภายในอาคารตั้งแต่เรื่องอุณหภูมิไฟฟ้าการระบายอากาศไปจนถึงการจัดการระบบน้ำการจัดการขยะ ระบบโทรคมนาคมและระบบรักษาความปลอดภัยจะมีการผนวกรวมเข้าด้วยกันเพื่อการบริหารจัดการและควบคุมที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น"ระบบอัจฉริยะ"ภายในอาคารจะช่วยเตือนให้การซ่อมบำรุงอุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถทำได้ก่อนที่จะเกิดการชำรุดเสียหายและยังช่วยให้หน่วยฉุกเฉินสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างฉับไวอีกทั้งเจ้าของและผู้ใช้งานภายในอาคารยังสามารถตรวจสอบระดับการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนของอาคารได้ในแบบเรียลไทม์"เซ็นเซอร์"หลายพันตัวภายในอาคารจะควบคุมตรวจสอบทุกสิ่งภายในอาคารตั้งแต่ความเคลื่อนไหวและอุณหภูมิไปจนถึงความชื้นการเข้าใช้พื้นที่และแสงสว่างอาคารต่างๆไม่ได้เพียงอยู่ร่วมและทำงานเกี่ยวโยงกับธรรมชาติแต่จะใช้ประโยชน์จากธรรมชาติอย่างเหมาะสมอีกด้วย

 4.อินเทอร์เน็ตเพื่อสุขภาพ

ในแต่ละปีมีประชากรราว 60 ล้านคนย้ายถิ่นฐานจากชนบทเข้าสู่เมืองใหญ่ และในปี 52 มีการประเมินพบว่าประชากรส่วนใหญ่ของโลกอาศัยอยู่ในเขตเมืองมากกว่าชนบทส่งผลให้เมืองใหญ่กลายเป็นแหล่งเพาะและแพร่กระจายเชื้อโรคได้ง่ายฉะนั้นจะต้องมีระบบป้องกันและการสื่อสารด้านสุขภาพที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับชาวเมืองไอบีเอ็มคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้นี้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์จะมีบทบาทในด้านสาธารณสุขมากยิ่งขึ้นในการหาแนวโน้มรูปแบบการระบาดของโรคว่าจะเกิดการระบาดขึ้นบริเวณไหนเวลาใดบ้างซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนและเตรียมการรับมือเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด และการรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีรวมทั้งมี"อินเทอร์เน็ตเพื่อสุขภาพ"ที่จะเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงข้อมูลทางการแพทย์ระหว่างชุมชน โรงพยาบาลหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเวชภัณฑ์ได้อย่างทั่วถึงเกิดเป็นระบบสาธารณสุขที่ฉลาดและมีประสิทธิภาพสามารถคาดการณ์รูปแบบการระบาดของโรคศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยและแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำในอนาคต


5.ตู้เย็นแห่งอนาคต

หลายคนเป็นโรคขี้ลืมเวลาซื้ออาหารมาแช่ตู้เย็นไว้หลายๆอย่างแล้วลืมเอาออกมากินเอาออกมาปรุง จนหลายอย่างมารู้ตัวอีกทีหมดอายุหรือเน่าคาตู้ไปแล้วจะไม่เกิดขึ้นในโลกอนาคตที่มีการพัฒนา'ตู้เย็นอัจฉริยะ' ที่คอยแนะนำว่าควรจะทำเมนูไหนทำอะไรกินจากอาหารที่เหลือตกค้างอยู่ในตู้หรือถ้าอาหารเน่าเสียมากก็ทำความสะอาดตัวเองและทำลายอาหารทิ้งตู้เย็นโลกอนาคตเป็นผลงานออกแบบของนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเซนทรัล แลงคาสเชอร์ในอังกฤษร่วมกับซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ โอคาโดพื้นผิวของ
หิ้งวางของในตู้เย็นจะใช้เทคโนโลยีนาโนมีเครื่องตรวจจับแก๊สที่ปล่อยออกมาจากอาหารที่เริ่มเสียพร้อมทั้งระบบสแกนด้วยรังสีอัลตราซาวด์ที่ประตูเพื่อตรวจสอบว่าอาหารที่เหลือเป็นชนิดไหนและปริมาณเท่าไรที่ต้องทำลายเครื่องจะคอยสแกนว่าเหลืออาหารอะไรอยู่บ้างแล้วใช้ข้อมูลส่วนนี้วางแผนว่าทำอาหารอะไรได้บ้างหรือถ้าขาดเหลืออะไรก็แนะนำว่าต้องสั่งซื้ออะไรเพิ่มซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าไปในเว็บไซต์สั่งซื้อของจากโอคาโดได้ทันทีจากนั้นถาดของตู้จะเลื่อนอาหารที่ใกล้หมดอายุมาไว้ใกล้มือที่ด้านหน้าเพื่อให้หยิบไปปรุงได้สะดวกดร.ไซมอน ซอมเมอร์วิลล์ทีมวิจัยกล่าวว่าตู้เย็นนี้จะช่วยคิดว่าควรจะทำอะไรกินจากอาหารที่มีอยู่ในตู้ทำให้ใช้วัตถุดิบที่มีได้อย่างคุ้มค่าเหลืออาหารทิ้งน้อยลงทำให้ผู้ใช้งานไม่สิ้นเปลืองเงิน

 

Monday, September 2, 2019

🌈ประวัติส่วนตัว🌈 ด.ญ.สิริยากร สอนอรุณ เลขที่46

🌈ประวัติส่วนตัว🌈
ด.ญ. สิริยากร สอนอรุณ ชื่อเล่น อะตอม สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย ศาสนา พุทธ กรุ๊ปเลือด เอบี
วันเดือนปีเกิด 01 พฤศจิกายน พ.ศ.2547 อายุ15ปี กำลังศึกษาอยู่ โรงเรียนพลูฃเจริญวิทยาคม อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 
ที่อยู่ 10/5 หมู่ที่1 ตำบลบางพลี อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ  10540
ลักษณะนิสัย: เงียบ ชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบที่ๆวุ่นวายเเละที่ๆมีคนเยอะๆ ชอบที่เงียบๆ 
กีฬาที่ชอบ: ไม่มี
เบอร์โทร:062-445-0932
🆔: atom. 1101
E-mail: cityatom1101@gmaill.com
คติประจำใจ: ชาตินี้คงได้เเต่รักเขาข้างเดียว , ไม่มันก็เราที่จะต้องตาย

ประวัติส่วนตัว ด.ญ. สิริยากร สอนอรุณ เลขที่46


ประวัติคอมพิวเตอร์ โดย ด.ช มิ่งประชา มดแสง ม.3/6 เลขที่36

ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์              คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นผลมาจยากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือในการคำนวณซ...